ข้อมูลดิจิทัล
คอมพิวเตอร์รับข้อมูลจากผู้ใช้แล้วจะแปลงข้อมูลนั้นให้เป็นรูปแบบสัญาณดิจิทัล(สัญญาณไฟฟ้า) แล้วจึงประมวลผลตามคำสั่งที่ได้รับ จากนั้นจึงเปลี่ยนป็นข้อมูลรูปแบบสัญญาณดิจิตัลกลับมาให้อยู่ในรูปแบบ
ที่มนุษย์เข้าใจผ่านทางอุปกรณ์แสดงผลข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
หน่วยของข้อมูล
สัญญาณดิจิทัล จะใช้หลักการของการปิดกระแสไฟฟ้า แทนด้วยเลข 0 และการเปิดกระแสไฟฟ้า
แทนด้วยเลข 1 ซึ่งเป็นรหัสของเลขฐานสองที่ประกอบด้วยเลข 2 ตัว คือ 0 และ 1 เมื่อนำเลขฐานสองมา
ประกอบกันเป็นชุดก็จะสามารถแทนเป็นรหัสที่มีความหมายต่อมนุษย์
หน่วยความจุของข้อมูลที่ใช้ในปัจจุบันมีดังนี้
บิต เป็นหน่วยความจุของข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่สุด คือ สัญญาณไฟฟ้าเปิดหรือปิด 1 ครั้ง แทนด้วยตัวเลข 0
หรือ 1 มีอักษรย่อเป็น b
ไบต์ คือ การนำตัวเลข 0 และ 1 มาเรียงต่อกัน เพื่อแทนค่ารหัสตัวอักษร โดยปกติจะต้องใช้จำนวน 8 บิต
จึงจะสามารถแทนค่าได้ 1 ตัวอักษร มีอักษรย่อเป็น B
กิโลไบต์ คือ การนำไบต์มารวมกันจำนวน 1,024 ไบต์ จะมีค่าเท่ากับ 1 กิโลไบต์ ซึ่งมีขนาดประมาณ 1 ย่อหน้าของกระดาษขนาด A4 มีอักษรย่อเป็น KB
เมกะไบต์ คือ การนำกิโลไบต์มารวมกันจำนวน 1,024 กิโลไบต์ จะมีค่าเท่ากับ 1 เมกะไบต์ ซึ่งมีขนาด ประมาณเรื่องสั้น 1 เรื่อง มีอักษรย่อเป็น MB
กิกะไบต์ คือ การนำเมกะไบต์มารวมกันจำนวน 1,024 เมกะไบต์ จะมีค่าเท่ากับ 1 กิกะไบต์ ซึ่งมีขนาด
ประมาณข้อมูลที่บันทึกเต็มกระดาษขนาด A4 ที่บรรจุอยู่เต็มหลังรถบรรทุก มีอักษรย่อเป็น GB
เทราไบต์ คือ การนำกิกะไบต์มารวมกันจำนวน 1,024 กิกะไบต์ จะมีค่าเท่ากับ 1 เทราไบต์ มีอักษรย่อเป็น
TB ปัจจุบันมีการพัฒนาสื่อบันทึกข้อมูลได้สูงสุดในหน่วยความจุนี้
เพตาไบต์ เอ็กซาไบต์ เซ็ตตาไบต์ และโยตทาไบต์ เป็นหน่วยความจุของข้อมูลที่ไม่นิยมใช้ในปัจจุบัน
โดยมีอักษรย่อเป็น PB , EB , ZB และ YB ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมื่อนำข้อมูลมาใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการจัดระบบฐานข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีการแทนค่าข้อมูลที่มีลักษณะเรียงลำดับจากขนาดเล็กไปขนาดใหญ่ได้ดังนี้
บิต เลขฐานสองหนึ่งหลักซึ่งมีค่าเป็น 0 หรือ 1
ตัวอักษร กลุ่มของบิตสามารถแทนค่าตัวอักษรได้ เช่น รหัสแอสกี 8 บิต แทนค่าตัวอักษร 1 ไบต์
เขตข้อมูลหรือฟิลด์ กลุ่มตัวอักษรที่แทนข้อเท็จจริง
ระเบียนข้อมูล โครงสร้างข้อมูลที่แทนตัววัตถุหนึ่งชิ้น
แฟ้มข้อมูล ตารางที่เป็นกลุ่มของระเบียนที่มีโครงสร้างเดียวกัน
ฐานข้อมูล กลุ่มของตารางและความสัมพันธ์
รหัสแทนข้อมูล
1. รหัสแอสกี เป็นรหัสแทนข้อมูลที่นิยมใช้กันมากที่สุด โดยจะใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และมินิคอมพิวเตอร์ ด้วยการใช้เลขฐานสองจำนวน 8 หลัก หรือ 8 บิต แทนข้อมูล 1 ตัว หรือ 1 ไบต์ ทำให้สามารถแทนข้อมูลที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด
หรือ 256 แบบ
2. รหัสเอบซีดิค นิยมใช้กับเครื่องเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีหลักการแทนข้อมูลคล้ายกับรหัสแอสกี
แต่แทนด้วยเลขฐานสองในตำแหน่งที่ต่างกัน
3. รหัสยูนิโคด เป็นรหัสชุดใหญ่ที่ถูกพัฒนาให้สามารถแทนตัวอักษรได้มากขึ้น เพื่อใช้กับภาษา
ทางแถบเอเชีย ซึ่งมีตัวอักษรจำนวนมากกว่าภาษาอังกฤษ จึงจำเป็นต้องใช้รหัสแบบ 16 บิต ทำให้สามารถ
แทนข้อมูลที่แตกต่างกันได้ทั้งหมด
หรือ 65,536 แบบ โดยรหัส 256 ตัวแรกจะมีลักษณะเดียวกับ
รหัสแอสกี แต่จะเติม 0 ไว้ข้างหน้าจำนวน 8 บิต เช่น 0111 0100 ในรหัสแอสกีแทน t เมื่อเปลี่ยนเป็น
รหัสยูนิโคดก็จะได้ 0000 0000 0111 0100
|
อุปกรณ์บันทึกข้อมูลในปัจจุบันสร้างจากซิลิคอนหลอมเหลวบริสุทธิ์แล้วเฉือน
ให้อยู่ในลักษณะแผ่นบาง ๆ เรียกว่า ชิป (Chip)
ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้จำนวนมหาศาล
|